บ้านหวายหลึม ตั้งอยู่ที่ตำบลมะบ้า กิ่งอำเภอทุ่งเขาหลวง
บนเส้นทางสายร้อยเอ็ด-ยโสธร ทางหลวงหมายเลข 23 บริเวณกิโลเมตรที่ 145-146
ห่างจากตัวเมืองร้อยเอ็ด 25 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านในโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
ซึ่งเป็นหมู่บ้านทอผ้าไหมที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด
อีกทั้งเป็นศูนย์รวมและจำหน่ายหัตถกรรมพื้นบ้าน อาทิ กระเป๋า ผ้าฝ้าย
เสื้อผ้าสำเร็จรูป บ้านหวายหลึมเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ
ของอำเภอทุ่งบางหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมานานว่าเป็นหมู่บ้านหัตถกรรมผ้าไหมทอมือ
ฝีมือประณีตงดงามยิ่งนัก

คุณอำพร
ทองธิสาร ผู้บุกเบิกสร้างชื่อเสียงผ้าไหมบ้านหวายหลึมมาตั้งแต่สมัยแรกเกือบ 20 ปี
แล้ว เล่าให้ฟังว่าชาวบ้านหวายหลึมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเป็นอาชีพเสริมรองจากการทำ
นามาช้านาน เนื่องจากหมู่บ้านนี้มีลักษณะภูมิประเทศเป็นลุ่มดอน
มีหวายมากจนอัดพันกันแน่นเป็นลืมหรือมัด เป็นก้อน ชาวบ้านจึงเรียกบ้านหวายลึม
แล้วเรียกเพี้ยนต่อ ๆ กันมาจนเป็นบ้านหวายหลึม
บ้านหวายหลึมวันนี้ถึงจะไม่มีหวายให้เห็นกันแล้ว
แต่จากการที่ชาวบ้านมีความขยันอดทน รู้จักพัฒนางานหัตถกรรมผ้าทออย่างจริงจัง
ไม่ว่าจะเป็นการทอไหมพื้น ไหมมัดหมี่ ไหมยกดอกจนกลายเป็นหมู่บ้านหัตถกรรมผ้าไหมที่มีชื่อเสียงโด่งดังกว้างขวางของจังหวัด
ร้อยเอ็ด
ณ ศูนย์รวมผ้าไหมบ้านหวายหลึมปัจจุบันมีคุณสุภาพร
สองศรี บุตรสาวของคุณอำพร ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มออมทรัพย์ของศูนย์ฯ ซึ่งเป็นศูนย์รวมตัวกันเพื่อสืบทอดหัตถกรรมแขนงนี้
และจัดตกแต่งบริเวณหน้าบ้านเป็นร้านค้าด้านข้างร้านจะมีกลุ่มแม่บ้านนั่งทอ
ผ้าอยู่กับกี่ของตน ภายในร้านดูโอ่โถง มีการจัดวางผ้าในตู่โชว์เป็นชั้นๆรายรอบมองเห็นโล่รางวัลและประกาศนียบัตรผลงานชนะเลิศการประกวดผ้าทอมือจากหน่วยงาน ต่าง ๆ
มากมาย รวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่สำเร็จรูปต่าง ๆ
เมื่อไหมต้องแสงไฟจึงดูระยิบระยับละลานตาแทบจะเลือกไม่ถูกทีเดียว

ผ้าทอมือของบ้านหวายหลึมนั้นมีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่เป็นผ้าท้อทอทำด้วยมือใน ทุกขั้นตอน มีการออกแบบประยุกต์สมัย
จากการสร้างสรรค์ลวดลายของกลุ่มแม่บ้านที่มีฝีมือการทอละเอียดลออมีความ
ประณีตสวยงาม รูปแบบจากเดิมที่มีการทอแต่ผ้ามัดหมี่ ก็มีการฟื้นฟูการทอผ้ายกของร้อยเอ็ดขึ้นมาใหม่
มีการประยุกต์ผ้าซิ่นปักจากทางเหนือ ซึ่งจากแหล่งเดิมจะทอและปักด้วยฝ้าย
มาเป็นการทอและปักด้วยไหมแบบอีสานที่มีผ้าไหมเหลือเฟือ
ส่วนผ้าไหมพื้นรุ่นใหม่มีลักษณะเด่นตรงการให้สีสันคลาสสิค
ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่ให้คำแนะนำและได้ให้ตัวอย่างของ สีไว้
แม้จะเป็นสีย้อมเคมี แต่ก็มีการผสมสีให้สวยงามดั่งสีธรรมชาติ
สีที่ได้จึงมีมาตรฐานและถูกต้องตามที่ลูกค้าสั่งทอในปริมาณมากโดยไม่ผิด เพี้ยน
สำหรับลวดลายของผ้ายกดอกไหมบ้านหวายหลึมจะมีการประยุกต์ลายดั้งเดิมมาผสมผสานกับ ลวดลายใหม่ ๆ หรือออกแบบลายขึ้นมาใหม่ แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของผ้าทอไทยอีสานไว้ ผ้ายกส่วนใหญ่จะเป็นผ้ายกดอกลายลูกแก้ว ลายดอกพิกุล ซึ่งการทอต้องใช้ฝีมือที่ประณีตพิเศษ ราคาของผ้ายกที่นี่ไม่แพงนักหากเปรียบกับมาตรฐานฝีมือ ตกประมาณราคาชุดละ 3,500 บาท ถ้ามีการทอแทรกดิ้นเงินชุดละประมาณ 4,500 บาท ผ้ามัดหมี่มีทั้งมัดหมี่ลายเล็ก ๆ ไปจนถึงลวดลายใหญ่ ๆ และผ้าเชิงที่สวยงามมาก ราคาชิ้นละ 1,300 บาท ไปจนถึงชิ้นละ 2,900 บาท แล้วแต่ความยากง่ายของการทำลวดลาย ส่วนผ้าพื้นมีราคาตั้งแต่เมตรละ 250 บาทขึ้นไป ผ้าปัก ซึ่งตัดเป็นกระโปรงและเสื้อสำเร็จรูปตกราคาประมาณตัวละ 1,200 บาท นอกจากนี้ยังมีผ้าลานสายรุ้ง ผ้าลวดลายสมัยใหม่ที่มีลักษณะเป็นลายทางสลับสี ทอให้มีด้ายนูนขึ้นมรในไหมบางเส้น ทำให้เกิดผิวผ้าไหมเป็นลวดลายเส้นที่น่าสนใจ ดูเรียบง่าย แปลกตา แต่สวยงาม
ที่มาของภาพ : https://freedomwarunee.wordpress.com/
และ http://esan108.com/
สำหรับลวดลายของผ้ายกดอกไหมบ้านหวายหลึมจะมีการประยุกต์ลายดั้งเดิมมาผสมผสานกับ ลวดลายใหม่ ๆ หรือออกแบบลายขึ้นมาใหม่ แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของผ้าทอไทยอีสานไว้ ผ้ายกส่วนใหญ่จะเป็นผ้ายกดอกลายลูกแก้ว ลายดอกพิกุล ซึ่งการทอต้องใช้ฝีมือที่ประณีตพิเศษ ราคาของผ้ายกที่นี่ไม่แพงนักหากเปรียบกับมาตรฐานฝีมือ ตกประมาณราคาชุดละ 3,500 บาท ถ้ามีการทอแทรกดิ้นเงินชุดละประมาณ 4,500 บาท ผ้ามัดหมี่มีทั้งมัดหมี่ลายเล็ก ๆ ไปจนถึงลวดลายใหญ่ ๆ และผ้าเชิงที่สวยงามมาก ราคาชิ้นละ 1,300 บาท ไปจนถึงชิ้นละ 2,900 บาท แล้วแต่ความยากง่ายของการทำลวดลาย ส่วนผ้าพื้นมีราคาตั้งแต่เมตรละ 250 บาทขึ้นไป ผ้าปัก ซึ่งตัดเป็นกระโปรงและเสื้อสำเร็จรูปตกราคาประมาณตัวละ 1,200 บาท นอกจากนี้ยังมีผ้าลานสายรุ้ง ผ้าลวดลายสมัยใหม่ที่มีลักษณะเป็นลายทางสลับสี ทอให้มีด้ายนูนขึ้นมรในไหมบางเส้น ทำให้เกิดผิวผ้าไหมเป็นลวดลายเส้นที่น่าสนใจ ดูเรียบง่าย แปลกตา แต่สวยงาม